หมิวสวย

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555


ภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืด  

  
        เงินเฟ้อ
        หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการทั่ว ๆ ไป โดยเฉลี่ยสูงขึ้นเรื่อย ๆ  สาเหตุองเงิน เฟ้อ มี 2 ประการ คือ เกิดจากอุปสงค์ตึง และเกิดจากต้นทุนผลัก เมื่อเกิดเงินเฟ้อจะมีผลกระทบต่อการกระจายรายได้ ความต้องการถือเงิน การสะสมทุน การคลังของรัฐบาล และการค้าระหว่างประเทศ การแก้ไขเงินเฟ้อ ทำได้โดยลดอุปสงค์มวลรวมลง          
        
        เงินฝืด 
        หมายถึง  ภาวะที่ระดับราคาสินค้าละบริการทั่ว ๆ ไป ลดลงเรื่อย ๆ  เงินฝืดเกิดขึ้นเนื่องจากอุปสงค์มวลรวมลดลง เงินฝืดจะทำให้การลงทุนลดลง การจ้างงานลดลง และการว่างงานจะมากขึ้น  การแก้ไขปัญหาเงินฝืด ทำได้โดยกระตุ้นให้อุปสงค์มวลรวมเพิ่มขึ้น
        ภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืด   
        สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศด้อยพัฒนา ประเทศพัฒนา หรือประเทศอุตสาหกรรม ถ้าเป็นภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืดอย่างอ่อน ๆ ย่อมเกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้าเกิดภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืดอย่างปานกลางและอย่างรุนแรงแล้ว ย่อมสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมากต่อประเทศชาติ  การแก้ไขไม่สามารถกระทำให้สำเร็จลุล่วงในระยะเวลาอันสั้น นอกจากใช้นโยบายทางการเงินและการคลังแล้ว ประชาชนในประเทศจะต้องร่วมมือด้วย เพราะประเทศชาติเป็นเรื่องของคนเป็นจำนวนมาก ไม่เหมือนกับระบบครอบครัว ซึ่งแก้ไขได้รวดเร็วกว่า
บทความเงินเฟ้อ 

ลักษณะที่ 1 คือ DEMAND PULL คือ ประชาชนมีความต้องการในสินค้าและบริการมากขึ้น ขณะที่สินค้ามีน้อยกว่าความต้องการ ทำให้เกิดความต้องการมากกว่าสินค้า ราคาสินค้าจึงแพงขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้น ซื้อสินค้าได้จำนวนเท่าเดิม
กรณีที่ 2 Cost Push หมายถึง ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการสูงขึ้น เรื่อย ๆ (กรณีประเทศไทย ภาวะเงินเฟ้อปัจจุบันเกิดจากสาเหตุนี้เป็นหลักเนื่องจาก ปัจจัยการผลิตที่สำคัญคือราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการแพงขึ้น เมื่อราคาสินค้าและบริการแพงมากขึ้น ค่าจ้างแรงงานเดิมจะมีค่าเงินน้อยลงเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อตามที่กล่าวแล้ว ข้างต้น ดังนั้น การเพิ่มค่าแรงด้านหนึ่งทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น (ของแพง) แต่ในด้านกลับกัน ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการตัวหนึ่ง ทำให้สินค้าและบริการมีต้นทุนสูงขึ้น ราคาก็แพงขึ้นเช่น กัน  กรณีการขาดดุลการค้า โดยหลักใหญ่คือ สินค้าส่งออกน้อยกว่า ซื้อสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา (กรณีของไทยปัจจุบัน การขาดดุลการค้า มีสาเหตุจากการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ ผลิตน้ำมันได้มากเท่ากับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ) ดังนั้น เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการขาดดุลการค้าคือ ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง หมายความว่า ประเทศไทยต้องใช้เงินบาทมากขึ้น ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศในจำนวนเท่าเดิม
           กล่าวโดยสรุป ผลต่อเศรษฐกิจไทย ตามปัจจัยเรื่องภาวะเงินเฟ้อ การขาดดุลการค้า ภาวะราคาน้ำมันสูงขึ้น และค่าแรงเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณที่แสดงว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มมีปัญหา เงินในกระเป๋าของประชาชน น้อยลง ของแพงขึ้น คนจะซื้อสินค้าและบริการน้อยลง บริษัทห้างร้านที่ผลิตสินค้าและบริการก็จะขายของได้น้อยลง ผู้ผลิตสินค้าและบริการมีต้นทุนการผลิตสุงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันและค่าแรง ที่เพิ่มขึ้น แต่ของขายได้น้อยลง ก็จะลดกำลังการผลิตลง หากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ก็จะมีการปลดคนงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย คนตกงานก็ไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้น เศรษฐกิจหดตัวลง หากตัวเลข GDP ปี 47 เท่ากัน 5.8 แต่ปี 48 ตัวเลขออกมาเป็น 4.5 ถือว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง หากตัวเลข GDP ต่ำกว่าตัวเลขเงินเฟ้อหมายถึง เศรษฐกิจไทย กำลังถดถอย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น