หมิวสวย

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คาถาหัวใจเศรษฐี



คาถาหัวใจเศรษฐี

( ที่มา : คอลัมภ์ไขปัญหาเศรษฐกิจกับ ดร.กอบ/นสพ.เดลินิวส์ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 )
                พูดเรื่องเคล็ดลับการออมจากมุมมองของฝรั่งตะวันตกมาหลายครั้ง วันนี้ก็ขอเอาเคล็ดลับการเป็นเศรษฐีจากมุมมองของพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกกันว่า คาถาหัวใจเศรษฐี มาฝาก
               เรื่องนี้มาจาก พระสุตันตปิฎก เล่มที่ 15 กล่าวถึงเมื่อท่านเสด็จไปถึงนิคมของชาวโกฬิยะ มีกระทาชายนายคนหนึ่ง ชื่อ ฑีฆชาณุ เข้าไปเรียนถามว่า สำหรับเขาที่เป็นคนธรรมดา ยังบริโภคสิ่งที่ต่าง ๆ อยู่ครองเรือน นอนกับลูกเมีย ยินดีเรื่องเงินทอง ยังไม่สละทุกอย่าง ขอให้ทรงบอก  สิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับการครองชีวิตของปุถุชนเช่นเขาด้วย พระพุทธองค์จึงได้สงเคราะห์ให้คาถาหัวใจเศรษฐี อุ อา กะ สะ กับ ฑีฆชาณุ ประกอบด้วย
               1. การขยันทำมาหากินโดยสุจริต เลี้ยงชีพด้วยการหมั่นประกอบการงาน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านไหน ๆ ทั้ง เกษตร พาณิชย์ ราชการ ทหาร ไม่เกียจคร้านในงานนั้น ๆ เอาใจใส่ ใช้ปัญญาพัฒนางาน และความรู้ของตนให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
               ข้อนี้ชัดเจน ถ้าอยากเป็นเศรษฐี ต้องเริ่มจากการสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น ขยันหมั่นเพียร หนักเบาเอาสู้ ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากและอุปสรรค รู้จักหาความรู้ แก้ไขการงานให้ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งในประเด็นนี้ ถ้าความชอบเป็น จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ในอิทธิบาทสี่ ความขยันทำมาหากินและรู้ทบทวนในสิ่งที่ตนเองทำเป็นจุดเริ่ม ต้นของความมั่งคั่ง พูดสั้น ๆ จะมีเงินได้ ก็ต้องมีความขยันในการทำมาหากิน ครั้นพอมีเงินแล้ว จึงค่อยคิดที่จะให้เงินทำงานให้เต็มที่ตามที่ฝรั่งบอก
               2. การรู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้  มีเงินทองที่หามาได้โดยชอบธรรม ด้วยความเหนื่อยยาก ด้วยความขยันหมั่นเพียร บางคนก็ด้วยกำลังแขนกำลังขา จนเหงื่อโทรมตัว ก็ต้องรู้จักรักษาเงินทองเหล่านั้นไว้ ท่านใช้คำว่า รักษาไม่ให้โจรลักไป น้ำไม่พึงพัดไป ทายาทผู้ไม่เป็นที่รักจะไม่พึงลักไป
                ตรงนี้ ที่คนมักมองข้าม และต้องระวังจริง ๆ ก็คือ ตนเอง เพราะคนที่ทำให้การรักษาทรัพย์ที่หามาได้เป็นไปได้ยาก ก็เรานี่แหละ เห็นอะไรก็ซื้อหมด ใช้หมด ท่านจึงทรงเตือนต่อไปว่า เงินทองที่หามา ได้มีทางเสื่อม 4 ด้าน ก็คือ เป็นนักเลงหญิง 1 นักเลงสุรา 1 นักเลงการพนัน 1 และมีมิตรชั่ว สหายชั่ว เพื่อนชั่ว 1 เสมือนกับสระน้ำใหญ่ที่มีทางไหลออก 4 ทาง ถ้ายังเปิดทางเหล่านี้เอาไว้ ก็มีแต่ไหลออก ไม่น่าแปลกใจว่านำไปแต่ทางเสื่อม ท้ายสุด สระก็แห้งเหือดถ้า ไม่รู้จักรักษา ไม่รู้จักใช้ เงินทองก็วิ่งหนีจากเราได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากร่ำรวย ก็ต้องทำกลับกัน โดยปิดทางที่น้ำไหลออก เปิดทางไหลเข้าด้วยความขยันหมั่นพียร ท้ายสุดสระน้ำแม้จะใหญ่ก็เต็มบริบรูณ์ได้
               3. การคบมิตรดี คบคนที่จะให้คำแนะนำ สนับสนุน เกื้อกูลแก่เรา เป็นแบบอย่างให้กับเราเรื่องการทำความดี การมีความเชื่อในสิ่งที่ถูก การไม่ตระหนี่ การมีปัญญา เรื่องมิตรดีมิตรไม่ดีนี้ คุณเสถียร พงษ์ วรรณปก เขียนไว้จับใจว่ามิตรชั่วถอนเสาเรือนใครต่อใครมามากนักแล้ว ผู้ครองเรือนจะต้องระวังให้จงหนัก มิตรดีถ้ามี ก็จะเป็นที่ปรึกษาในการใช้ชีวิตให้กับเรา แม้กระทั่งแนะนำ ให้คำปรึกษาในการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี เงินทองก็จะสามารถงอกเงยได้ 
               4. การอยู่อย่างพอเหมาะพอดี โดยคิดว่า ทำอย่างไรจึงจะเลี้ยงชีพตนเหมาะสมตามอัตภาพ ทำให้รายได้เราจะเหนือจากรายจ่าย และรายจ่ายจะไม่เหนือรายได้ ไม่ตกอยู่ในภาวะ ชักหน้าไม่ถึงหลังเดินทางสายกลาง ไม่ฟูมฟาย ไม่โอ่โถงเกินไปนัก รวมทั้งไม่ให้ฝืดเคืองเกินไปนัก
                ก็ขอให้แต่ ละคนหมั่นทบทวนตนเองเสมอ ๆ ว่า เราได้ปฏิบัติตามหัวใจเศรษฐีทั้ง 4 ข้อนี้ ให้ถึงพร้อมแล้วหรือยัง เมื่อทำได้ ความเจริญในชีวิตก็จะเกิดขึ้น และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเศรษฐี  จึงนับเป็นข้อแนะนำด้านการเงินที่ลึกซึ้งชัดเจน ไม่จำกัดกาล แข่งกับความรู้การออมสมัยใหม่ของตะวันตกได้อย่างไม่น้อยหน้า ก็ขอเอามาฝากทุกคนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น